รายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “โอ๋ เมจิโฟน ภูเก็ต” ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “ไวตามิ้ลค์ หรือระเบิดพลีชีพ ลืมไว้ในรถ 6 วัน จอดในบ้านไม่โดนแสงแดด เล่นซะกระจกหลังแตกเลย #ห้ามลืมไวตามิ้ลค์ไว้ในรถ
ทั้งนี้ในภาพดังกล่าวเป็นภาพของ ขวดนมถั่วเหลืองชื่อดังที่วางอยู่ในกระโปรงท้ายรถ แตกกระจาย จนส่งผลให้กระจกกระโปรงท้ายของรถมีรอยแตกร้าว
ซึ่งหลังมีการโพสต์ได้มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่รู้สึกประหลาดใจที่ขวดเครื่องดื่มระเบิดอย่างรุนแรง ขณะที่บางส่วนระบุว่าเคยประสบเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง น.ส.กฤษฏาภรณ์ ทองเขียว หรือ คุณบุ๋ม ภรรยาเจ้าของร้าน เมจิโฟนภูเก็ต ระบุว่า เมื่อประมาณวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ได้นำรถออกไปส่งลูกสาวเรียนพิเศษ และซื้อเครื่องดื่มดังกล่าววางไว้ท้ายรถ ก่อนนำรถคันดังกล่าวมาจอดไว้ที่เดิมคือหลังร้านเมจิโฟนภูเก็ต (ทางเข้าวิทยาลัยเทคโนโลยีภูเก็ต) ถ.เทพกระษัตรี อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งจุดที่จอดนั้นเป็นพื้นที่ระหว่างอาคารพาณิชย์ 2 หลัง จึงอยู่ในร่ม โดยในวันนั้นได้ลืมเอาเครื่องดื่มลงจากรถ และจากนั้นก็ไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากลูกสาวอยู่ระหว่างปิดเทอม กระทั่ง ในเวลาประมาณ 12.30 น.วานนี้ (28 พ.ย.63) ได้เข้าไปที่รถเพื่อเตรียมไปส่งลูกสาวเรียนพิเศษตามปกติ และพบว่ากระจกฝากระโปรงหลังแตก มีลักษณะคล้ายร่องรอยการทุบกหรือแงะกระจก ตนเองจึงไม่กล้าเปิดรถ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อหลักฐาน เช่น ร่องรอยนิ้วมือคนร้าย หากมีการโจรกรรม จึงรีบไปตรวจสอบดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้าน หากพบมีภาพคนร้ายก็จะได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ แต่หลังจากนั่งดูภาพหลายชั่วโมงก็ไม่พบ จึงตัดสินใจมาเปิดรถดูก็พบว่าเกิดจากขวดเครื่องดื่มที่ลืมไว้ระเบิด โดยระเบิดแค่ 1 ขวด แต่นับว่ามีความรุนแรงมาก สะเก็ดของขวดแก้วกระเด็นกระแทกกระจกหลังจนแตก สภาพภายในรถ เละเทะ ซึ่งนั้นสาเหตุที่ระเบิดนั้นก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะมาจากการเน่าเสียจนเกิดเป็นแก๊สและระเบิด แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าใช่สาเหตุจากความร้อน เพราะรถจอดอยู่ในที่ร่ม และเครื่องดื่มอื่นๆก็วางอยู่ด้วย แต่ไม่มีการระเบิด
อย่างไรก็ตามอยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์แก่สังคม ให้เพิ่มระมัดระวัง อย่าลืม หรือวางสิ่งของไว้ในรถ ถึงแม้เป็นแค่ขวดเครื่องดื่มหรือของเหลวต่างๆ ก็ตาม และหากมีภาชนะเป็นแก้วยิ่งต้องระวัง อย่าคิดว่าเป็นแค่เครื่องดื่มธรรมดาไม่มีอะไร อาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นได้ เหตุการณ์ครั้งนี้ เคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ทำให้ทราบว่าไม่มีอะไรปลอดภัย