สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี จะได้รับ 300 บาท/เดือน และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท/ปี จะได้รับ 200 บาท/เดือน
โดยและขอย้ำว่า วงเงินที่ได้รับ ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ การใช้จ่ายดังกล่าวสามารถนำไปใช้ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐที่รับชำระค่าสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) หรือร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ และผู้พิ ก า รที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเบี้ยความพิการเพิ่ม 200 บาท/เดือน โดยจ่ายเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ใน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมเป็น 1,000 บาท/เดือน
พิเศษเดือนนี้ รัฐบาลเตรียมเพิ่มเงินเยียวยา บัตรคนจน 1,200 บาท เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่cv-19 ทำให้เวลานี้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้รับผลกระทบ
จึงทำให้ทางรัฐบาลได้เห็นชอบมาตรการดูแลประชาชนจากผลกระทบของcv-19 ตามที่กระทรวงการคลังได้เสนอ ซึ่งชุดมาตรการช่วยเหลือนี้เป็นการใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท โดยกรอบวงเงินที่ใช้อยู่ที่ 1.62 แสนล้านบาท โดยได้ออกมาตรการที่มีชื่อว่าโครงกร เพิ่มกำลังซื้อ โดยมีรายละเอียดดังนี้
วันที่ 1 กรกฎาคม 2564
โครงการเพิ่มกำลังซื้อ
โครงการเพิ่มกำลังซื้อ นั้นรัฐบาลได้ออกมาตรการให้แก่ผู้มีบัตครสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะ 3 ทุกคนไม่ต้องลงทะเบียนเพิ่ม โดยช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านค้าธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) และค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม 2564 รวมเป็นวงเงินไม่เกิน 1,200 บาทตลอดระยะเวลาโครงการ (กรณีมีวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป) กลุ่มเป้าหมาย 13,650,159 คน วงเงินรวม 16,380 ล้านบาท โดยมาตรการนี้จะเป็นการจ่ายเพิ่มจากส่วนเดิมที่ผู้ถือบัตรคนจนได้รับอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น
เงินสำหรับซื้อของสินค้าอุปโภค-บริโภค คนละ 200-300 บาทต่อเดือน (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้)
ผู้รับเงิน : ทุกคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เงินค่ารถโดยสารสาธารณะ (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้)
ผู้รับเงิน : ทุกคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แบ่งเป็น 1.ค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟฟ้า 500 บาทต่อเดือน (ใช้ชำระค่าโดยสารด้วยระบบ e-Ticket) 2.ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน 3.ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
เงินลดซื้อก๊าซหุงต้ม
ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม โดยรัฐบาลแจกให้ผู้ถือบัตรคนจนทุกคนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รายละ 45 บาทต่อ 3 เดือน โดยจะต้องใช้กับร้านค้าที่เข้าร่วมเท่านั้น หากไม่ใช้สิทธิภายใน 3 เดือน จะถูกตัดยอดเงินส่วนนี้ไป
วันที่ 15 กรกฎาคม 2563
เงินคืนภาษี 5%
สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เติมเงินเข้าบัตร แล้วใช้เงินจากบัตรรูดซื้อสินค้าและบริการผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือร้านค้าเอกชนอื่น ๆ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยรัฐจะคืนภาษี VAT 5% ให้ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเงินส่วนนี้สามารถนำบัตรคนจนไปกดเป็นเงินสดออกมาใช้ หรือรูดซื้อของตามร้านธงฟ้าฯ และร้านค้าอื่น ๆ ที่ร่วมโครงการได้ผู้ที่เติมเงินเข้าบัตรคนจน แล้วใช้จ่ายเงินซื้อของจะได้รับเงินภาษี VAT 5% คืนเข้าบัตรตามยอดการใช้จ่าย เช่น
จ่ายผ่านบัตรฯ 100 บาท คืน VAT 5% เข้าบัตรฯ 5 บาท
จ่ายผ่านบัตรฯ 500 บาท คืน VAT 5% เข้าบัตรฯ 25 บาท
จ่ายผ่านบัตรฯ 1,000 บาท คืน VAT 5% เข้าบัตรฯ 50 บาท
วันที่ 18 กรกฎาคม 2564
ค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 230 บาท/เดือน/ครัวเรือน
คือการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือเช่นเดียวกับค่าน้ำประปา โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 230 บาท/เดือน/ครัวเรือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563 รวมระยะเวลา 11 เดือน
ผู้รับเงิน : ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เรียบร้อย หากยังไม่เคยลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนได้ที่นี่
การไฟฟ้านครหลวง www.mea.or.th
เว็บไซต์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค www.pea.co.th
โดยทั้ง 2 สิทธิ์นี้ เป็นโครงการที่มีการต่อระยะเวลาของโครงการตั้งแต่ตุลาคม 2563-กันยายน2564 รวมระยะเวลาทั้งหมด11เดือน
วันที่ 22 กรกฎาคม 2564
เบี้ยความพิการเพิ่มเติม 200 บาท
ผู้พิ ก ารที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะได้รับ 1,000 บาท/เดือน (จากเดิม 800 บาท/เดือน) และผู้พิ ก า รที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเบี้ยความพิการเพิ่ม 200 บาทต่อเดือน โดยกรมบัญชีกลางได้กำหนดวันจ่ายเบี้ยความพิการเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือนต่อ ๆ ไป ประมาณวันที่ 22 ของเดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ถึง กันยายน 2564
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้กำหนดวันจ่ายเบี้ยความพิการเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือนต่อ ๆ ไป ประมาณวันที่ 22 ของเดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ถึง กันยายน 2564 หากมีข้อสงสัย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง หมายเลข 02 270 6400 ในวัน เวลาราชการ