วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีพบคนไทยลักลอบเดินทางกลับจากประเทศเมียนมา และพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เริ่มจากหญิงสาวอายุ 29 ปี ก่อนจะพบหญิงสาวที่ทำงานสถานบันเทิงเดียวกัน ลักลอบข้ามกลับเข้าประเทศติดเชื้อเพิ่มอีก 2 รายที่ จ.เชียงราย นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดการระบาดหนักที่ฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้ามกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีการประกาศเคอร์ฟิวมาระยะหนึ่งแล้ว แต่การขนส่งสินค้าข้ามแดนยังเปิดให้มีการค้าขายที่จุดผ่านแดนสะพานแห่งที่ 2 แต่ก็มีการคัดกรอง คนขับรถขนส่งสินค้าอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัย
รายงานข่าวเผยว่า มีชาวบ้านหลายรายรวมทั้งคนไทยที่ตกค้างทำงานอยู่เมียนมา ต้องการข้ามแดนกลับมายังฝั่งไทยจำนวนมาก แต่เนื่องจากด่านปิด จึงเกิดปัญหาการลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มการลาดตระเวนตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวดมากขึ้น
ในช่วงเช้าวันที่ 30 พ.ย. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวราษฎรไทยจำนวน 4 คน เป็นหญิง 3 ชาย 1 ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ ห่างจากช่องทางป้ายเหลือง ไปด่านผาหมี ประมาณ 400 เมตร
รายงานข่าวระบุว่า ยังพบผู้ลักลอบเข้าประเทศอีกจุดบริเวณท่ากระหล่ำ บ.เหมืองแดงใต้ หมู่ 1 ต.แม่สาย อ.แม่สาย ชาวบ้านแจ้งให้ไปตรวจสอบว่า พบบุคคลต้องสงสัย 4 คน ท่าทางมีพิรุธ บริเวณป้อม ชรบ. บ้านเหมืองแดงใต้ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทั้ง 4 คน เป็นหญิงทั้งหมดยินยอมให้ควบคุมตัว โดยยทั้ง 4 ราย เป็นชาวอุดรธานี 2 คน ขอนแก่น 1 คน และภูเก็ต 1 คน
ทั้งหมดยอมรับว่า ได้เดินทางไปยังประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 12 พ.ย.63 เพื่อไปทำงานออนไลน์ และทำงานพีอาร์ที่ร้าน DAT โดยพักที่โรงแรมเอราวัณ เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดเพิ่มขึ้น จึงเดินทางข้ามลำน้ำสายมายังฝั่งไทย เพื่อกลับภูมิลำเนา โดยยินยอมที่จะกักตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวทั้งหมด 8 รายเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้พยายามประชาสัมพันธ์ให้คนไทยที่ตกค้างอยู่ฝั่งประเทศเมียนมา ที่ต้องการจะกลับประเทศไทย ให้แสดงตัวเพื่อเข้ารับการกักตัว ป้องกันการลักลอบข้ามแดนแบบไม่เปิดเผย เพราะจะสร้างปัญหาในการติดตามและเสี่ยงต่อการนำเชื้อไปแพร่ต่อ